ระยะหลังมานี้ ผู้คนเต็มไปด้วยปัญหาชีวิตรุมเร้า ทั้งปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาครอบครัว ปัญหาทางสังคม ทำให้หลายคนขาดที่พึ่งทางใจ ‘ธรรมะของพระพุทธองค์’ ซึ่งเป็นนามธรรมจึงถูกมองข้ามและหันไปยึดถือสิ่งที่เป็นวัตถุนิยมเสียมากกว่า
“ต้องบูชาอะไรจึงจะเกื้อหนุนและส่งผลดีต่อดวงชะตา?” คือ อีกหนึ่งคำถามที่ดิฉันต้องตอบเป็นประจำ แท้ที่จริงแล้วการไหว้พระบูชาวัตถุมงคล หรือแม้แต่การบูชาเทพ ต่างก็เป็นอุบาย ซึ่งสร้างให้เห็นเป็นรูปธรรมนำมายึดเหนี่ยวจิตใจเพื่อการประกอบกรรมดีทั้ง สิ้น ทั้งยังป็นหนทางในการศึกษาธรรมะผ่านทางวัตถุที่เรานับถือ
ดัง นั้นความสำคัญไม่ได้อยู่ที่เราศึกษาธรรมะโดยตรงจากพระไตรปิฏกได้เพียงอย่าง เดียวเท่านั้น และสำคัญที่ว่าเราปฏิบัตินอย่างไรแล้วทำให้ใจเราและคนรอบข้างเป็นสุข โดยนำสิ่งรอบตัวมาเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจมากกว่า อีกทั้งยังเป็นหนทางหนึ่งที่ทำให้เราพ้นทุกข์ได้ แม้จะไม่ใช่หนทางแห่งการพ้นทุกข์โดยตรงก็ตาม แต่ก็เป็นอุบายแห่งการเริ่มต้นประกอบกรรมดี เพื่อเป็นทางนำไปสู่นิพพานในอนาคต
ยิ่งถ้าเป็นช่วงเทศกาล (เช่น เทศกาลปีใหม่ ตรุษจีน…)หลายคนต่างเตรียมตระเวนกราบไหว้ขอพรพระ-บูชาเทพ อันเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจดังที่กล่าวไว้ข้างต้น ดังนั้นจึงขออนุญาตหยิบยกเรื่องการบูชาเทพมาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งก็มีความใกล้เคียงกับการไหว้พระ แต่การบูชาเทพนั้นน้อยคนจะเข้าใจว่าบูชาไปเพื่ออะไร แต่ละองค์มีความหมายอย่างไร ใครว่าดีก็เห่อและแห่ตามเขาไป ผิดบ้าง ถูกบ้าง โดยไม่ทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้เสียก่อน
ว่า ไปแล้วตำนานการสร้างเทพเจ้าในพุทธศาสนาได้มีมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล โดยทั่วไปจะเป็นคติความเชื่อแบบพุทธศาสนานิกายมหายาน ซึ่งจะมีการสร้างรูปเทพเจ้าในรูปแบบของพระโพธิสัตว์ เช่น พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือเจ้าแม่กวนอิม เป็นต้น นอกเหนือจากนี้ยังมีอิทธิพลที่เน้นเรื่องราวของทวยเทพต่างๆ ตามคติความเชื่อและความกลัว แล้วจินตนาการในลัษณะขององค์เทพ เช่น องค์เทพแห่งดินคือพระแม่ธรณี
ส่วน การสร้างในวัดของพุทธศาสนา โดยเฉพาะวัดในเมืองไทยนั้น จะมีความเชื่อของพราหมณ์-ฮินดูเข้ามาผสมผสาน ซึ่งไทยเราได้รับอิทธิพลนี้จากขอมตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทวยเทพใน ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เข้า มาผูกติดกับระบบความเชื่อทางพุทธศาสนา แม้ว่าในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูจะถือว่าพระพุทธเจ้าก็คือเทพองค์หนึ่งซึ่งเป็น ปางหนึ่งของพระนารายณ์ที่เรียกว่า ‘ปางพุทธาวตาร’ แต่ เมื่อมาเกี่ยวข้องกับ 2 พุทธศาสนาได้มีการยกฐานะของพระพุทธเจ้าเหนือกว่าเทพทุกองค์ เช่น ในตอนประสูติจะปรากฏภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังตามสถานต่างๆ ของเทพที่มาชุมนุมอวยพรสรรเสริญกันอย่างมาก
นอกเหนือจากนี้ ทางพุทธศาสนายังมีการเพิ่มเรื่องราวของเทพเจ้านอกเหนือจากพราหมณ์-ฮินดู เช่น พระอินทร์ ซึ่งอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ท้าวจคุโลกบาลที่ปกครองสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา ผู้คอยคุ้มครองโลกทั้ง 4 ทิศ และทวยเทพอื่นๆ เช่น พระแม่ธรณี พระแม่โพสพ พระคงคา นอกจากนี้ยังมีเทพอีกประเภท ซึ่งปรากฏในวรรณคดีชั้นสูง เช่น รามเกียรติ์ ซึ่งจะเล่าถึงเรื่องราวของเทพต่างๆ วรรณกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผน มีการสร้างเครื่องรางของขลัง และนำคุณวิเศษของเทพแต่ละองค์มากล่าวอ้างอิง เช่น การสักหนุมาน เชื่อว่าจะทำให้มีฤทธิ์เดชคงกระพันชาตรี
เนื่องจากวัดถือเป็นศูนย์กลางทางสังคมไทยในสมัยโบราณ ไม่ว่าจะเป็นจิตกรรม ฝาผนัง งานจารึก งานเขียนคัมภีร์ใบลาน ก็ปรากฏเรื่องราวเกี่ยวกับเทพองค์ต่างๆ ต่อมาจึงได้สร้างเป็นรูปเคารพดังมีให้เห็นในปัจจุบัน
สถาน ที่ที่มีองค์เทพศักดิ์สิทธิ์นับว่ามีด้วยกันหลายที่ ไม่ว่าจะเป็นวัดวิษณุ เขตยานนาวา วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขกสีลม) เทวสถาน (โบสถ์พราหมณ์) แต่ที่อยากแนะนำก็คือ บริเวณแยกราชประสงค์ เพราะไปที่เดียวได้สักการะเทพถึง 6 องค์ นับเป็นย่านการค้าและการท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ โดยเป็นทั้งของโรมแรมใหญ่ ศูนย์การค้าชั้นนำ ซึ่งในแต่ละวันจะมีคนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ดังนั้นสถานประกอบการต่างๆ จึงได้มีการตั้งศาลเพื่อเป็นที่ประดิษฐานรูปจำลององค์เทพศักดิ์สิทธิ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลและปกป้องคุ้มครองรวมทั้งเป็นที่สักการะของผู้ที่ สัญจรไปมาในย่านนี้ ประกอบด้วย
– พระอินทร์ ท้าวองค์อมรินทราธิราช
ซึ่ง นับได้ว่าเป็นผู้ดูแลทุกข์สุขของมนุษยโลก ประดิษฐานที่หน้าตึกอัมรินทร์พลาซ่า มีพระวรกายสีเขียวหยก มีพระเนตรพันดวงทรงเป็นที่เคารพในฐานะพระผู้ดูแลทุกข์สุขของมนุษยโลก
ดอกไม้ที่ใช้สักการะ คือดอกบัวขาว ดอกบัวแดง กุหลาบขาว
– ท้าวมหาพรหม
มี อำนาจในการประสาทพรแก่ผู้สักการะ ประดิษฐานบริเวณแยกราชประสงค์ มีชื่อเสียงในการประทานโชคลาภ ความสำเร็จ มั่นคงในธุรกิจการงาน ทรงเปี่ยมด้วยความเมตตาเนื่องจากพระองค์มีอารมณ์เย็น เชื่อว่าทรงรับฟังคำขอและสวดภาวนาของทุกคน และทำให้สมความปรารถนา
ควรสักการะด้วยดอกบัวขาว ดอกไม้สีขาวต่างๆ ของโมกขาว ดอกมะลิขาว ดอกแก้วขาว สำหรับธูปให้ใช้ 12 ดอก เพื่อปักกระถาง 4 ด้าน ตามพระพักตร์ของพระพรหม
– พระตรีมูรติ
ได้ชื่อว่าเป็นเทพแห่งความรัก บูชาเพื่อขอให้สมหวังในรัก ประดิษฐานที่หน้าอิเซตัน เซ็นทรัลเวิลด์
ควรสักการะด้วยดอกไม้สีแดง 9 ดอก ธูปแดง 9 ดอก เทียนแดง 1 คู่ ต้องถือเคล็ดว่าให้ประกบติดกัน ซึ่งจะหมายถึงมีชีวิตรักที่แนบแน่น หรือมีความหมายว่าไม่โดดเดี่ยว นิยมไหว้ในวันพฤหัสบดี เวลา 21.30 น. โดยเชื่อกันว่าเป็นเวลาที่เทพจะลงมาประทับ
– พระพิฆเนศ
ถือ ป็นเทพแห่งปราชญ์สติปัญญาและความสำเร็จ ประดิษฐานอยู่หน้าอิเซตัน เซ็นทรัลเวิลด์ ทุกตำราได้ให้ความสัญกับเทพองค์นี้มาก โดยกล่าวว่ามีฤทธิ์มาก มีความเฉลียวฉลาด มีคุณธรรม คอยชวยเหลือปกป้องปราบปรามสิ่งชั่วร้าย ทำให้เกิดโชคและมีทรัพย์
ควรสักการะด้วยขนมต้มแดงต้มขาว นมสด นมเปรี้ยว ดอกบัวแดง ดอกดาวเรือง กล้วย อ้อย มะม่วงสุก เมล็ดงา มะขวิด ทับทิม หญ้าแพรก ดอกมะลิ ใบมะตูม ใบมะเขือพวง ใบพุทรา ใบรำเพย
– พระลักษมี
เทวีผู้ประทานความร่ำรวย บูชาเพื่อขอความร่ำรวย มั่งัคั่งอุดมสมบูรณ์และโชคดีมีลาภ ประดิษฐาน ณ บริเวณดาดาฟ้า ชั้น 4 เกษรพลาซ่า
นิยมสักการะด้วย ดอกบัวหลวงสีขาว ดอกบัวหลวงสีชมพู ดอกบานไม่รู้โรย กุหลาบสีชมพู การสักการะควรมีอ่างใบใหญ่ใส่น้ำสะอาดเต็มขอบอ่าง วางไว้หน้ารูปเคารพ เวลาจะถวายดอกไม้ต้องคลี่ให้บานก่อนแล้วนำลอยน้ำ
– พระนารายณ์ทรงสุบรรณ
พระ ผู้คุ้มครองรักษา ประดิษฐานอยู่หน้าตึกโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ได้รับสมญาว่าเป็นเทพที่ปกป้องรักษาให้เจริญรุ่งเรือง เปรียบประดุจเทพแห่งความเมตตา สามารถขจัดปัดเป่าความชั่วร้ายและสิ่งไม่ดี
ควรสักการะด้วยกระทงใบตองใส่ข้าวตอก อาหารคาว 2 – 3 อย่าง ขนมหวาน 5 อย่าง ผลไม้ 3 อย่าง (กล้วย มะพร้าวอ่อน อ้อย) นมสด เนย ใบกระเพรา เมล็ดข้าว เมล็ดถั่วเขียวถั่วแดง เครื่องหอม ดอกบัวขาว ดาวเรือง กล้วยไม้ขาว มะลิขาว
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะเป็นการไหว้พระบูชาเทพ ล้วนเป็นอุบายอย่างหนึ่งที่ช่วยให้เรามีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจอันนำไปสู่การ ประพฤติดีประพฤติชอบ แต่ควรนับถือหรือบูชาโดยใช้สติและปัญญา มิใช่งมงาย เมื่อจิตแน่วแน่ ปัญญาจะบังเกิด สุดท้ายจิตจะเป็นสุข อันนำไปสู่นิพพาน
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก wikipidia , sanook.com