ตำราปลูกบ้านเรือนอย่างพิสดาร
ตำราปลูกบ้านเรือนอย่างพิสดาร
ตำราพรหมชาติฉบับสมบูรณ์
โดย สำนักพิมพ์อำนาจสาส์น
ตำราปลูกบ้านเรือนอย่างพิสดาร
สิทธิการิยะฯ โบราณาจารย์ท่านกล่าวถึงประเพณีสร้างบ้านเรือนเป็นที่อยู่อาศัย
เพื่อให้ครอบครัวอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุขนั้น ท่านให้สั่งสอนสืบต่อกันมาอย่างนี้
การตัดเสาเรือน
เสาเรือน
นับว่าเป็นสิ่งสำคัญในการจะคิดสร้างบ้านเรือนอยู่ เพราะก่อนจะเป็นเรือนร่างขึ้นมา
ได้
ต้องมีเสาเรือนพอจำนวนเสียก่อน โบราณท่านสอนให้เจ้าเรือนเข้าไปตัดเสาเรือนในเดือน 1
(อ้าย) 2 (เยี่) 4 และ เท่านั้นเดือน นอกจากนี้ ท่านว่า เป็นเดือนที่ไม้บวช
ห้ามต้นไม้ หาเสาเรือนอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เป็นไม้ป่า มาสร้างเรือนเด็ดขาด
แต่ในสมัยปัจจุบัน การสร้างเรือน
อาจจะไม่ต้องใช้เสาไม้อย่างสมัยก่อนอีกต่อไป เพราะไม้เริ่มจะหายากมาก
อาจจะใช้เสาปูนซิเมนต์แทน ดังนั้น จึงไม่ห้ามใคร ๆ
จะต้องสร้างบ้านเรือนตามแบบสมัยใหม่
ลักษณะเสาเรือน
สิทธิการิยะ ฯ
เสาเรือนที่นับว่าดีมี 2 แบบ คือ เสาอุดมพฤกษ์ 1 อัน ได้แก่ เสาที่มีโคนและปลาย
เสาขนาดเสมอกันโดยตลอด และเสาไม้ตัวเมีย 1 อัน ได้แก่ โคนต้นใหญ่ ส่วนปลายเสาเล็ก
โบราณาจารย์ท่านกล่าวถึงเสาเรือนไว้ให้เป็นที่สังเกต
เพื่อเลือกมาทำเสาเรือนกันอย่างนี้
ถ้าเสามี
1 ตา ท่านเรียกว่า ทศลักษณ์ ดีนักแล
ถ้าเสามี
1 ตา ท่านเรียกว่าทุกขลักษณ์ ชั่วนักแล
ถ้าเสามี
2 ตา ท่านเรียกว่าสิงหลักษณ์ มีกำลัง ชนะศัตรูหมู่มารดีนักแล
ถ้าเสามี
3 ตา ท่านเรียกว่า สุวาณลักษณ์ ไม่ดี จะเกิดเจ็บไข้ได้ป่วยตายจากเรือน
ถ้าเสามี
4 ตา ท่านเรียกว่า พนักบดี จะเกิดสวัสดิมงคลแก่เจ้าบ้านบริวารที่อาศัย
ถ้าเสามี
5 ตา ท่านเรียกว่า คนลักษณ์ จะเกิดคดีความ จะจากที่อยู่ของที่รักแล
ถ้าเสามี
6 ตา ท่านเรียกว่า คนทศลักษณ์ ดี จะมีสวัสดิมงคล ชนะอริศัตรูหมู่มาร
ถ้าเสามี
7 ตา ท่านเรียกว่า กาสะลักษณ์ ไม่ดีเลย จะตายก่อนที่จะได้ขึ้นอยู่แล
อนึ่ง ถ้าเสาเรือนนั้น
มีตามากกว่านี้ ท่านห้าม อย่าได้เอามาทำเป็นเสาเรือนเลยมิดี และเจ้าบ้าน
ตลอดจนบริวารในครอบครัวจะมีหตุเภทภัยอยู่ไม่มีความสุขกายสบายใจเลยแลฯ
การสังเกตตาที่เสาเรือน
อีกตำราหนึ่ง
ท่านกล่าวสอนว่า ในการเลือกเสา สังเกตตาที่เสาเรือนนั้นว่า จะดีเลว อย่างไร คือ
ก.
เสาเรือน มี 1 ตา
เรียกว่า มหาพลัง
ข.
เสาเรือนมี 2 ตา เรียกว่า พลัง
ค.
เสาเรือนมี 3 ตา เรียกว่า
ดาราโรจน์
ง.
เสาเรือนมี 3 ตา เรียกว่า
โคตรกระยาจก
จ.
เสาเรือนมี 3 ตา เรียกว่า
หรือมีตาเล็กคล้ายนมหนูอยู่ทั่วต้น เรียกว่า ดาราเรือง
ฉ.
เสาเรือนมี 3 ตา เรียกว่า
ตกยากพลัน
ช.
เสาเรือนมี 3 ตา เรียกว่า
หรือมีก้นหอยรอบ ๆ ต้น เรียกว่า ดารารัศมี
ลักษณะเสาเรือนทั้ง 7
อย่างดังกล่าวมานั้น ท่านว่า เสาข้อ ก. ค. จ. และ ช. เป็นลักษณะเสาเรือนที่ดี มีสวัสดิมงคลแก่ผู้เป็นเจ้าของเรือนแลฯ
วิธีแก้เคล็ดในกรณีไม่สามารถหาเสาเรือนได้ ตามโบราณาจารย์ท่านกล่าวไว้นั้น
ท่านแนะเคล็ดในการแก้ไขไว้อย่างนี้ คือ ให้เจาะตาที่ไม่ต้องการนั้นออกเสีย
แล้วให้เหลือตาไว้เฉพาะเข้าตามตำรา สำหรับตาที่จะเจาะนั้น ให้เอาเมล็ดพันธุ์ผักกาด
1 จันทน์ 1 น้ำผึ้งรวง 1 น้ำนมโค 1 และขี้โคแดง 1 รวม 5 อย่าง ๆ ละเท่า ๆ กัน
บดเข้าด้วยกัน เอาผสมน้ำมันยาง ปิดตาเสาร้ายน้ำเสีย
ขณะปิดให้ภาวนาเอาแต่สิ่งที่เป็นสิริมงคลเถิด
การตัดเสา-สังเกตเวลาเสาล้มสู่พื้น
สิทธิการิยะฯ
เมื่อตัดเสาเรือน ท่านให้สังเกตเวลาเสานั้นล้มลงสู่พื้นดินว่าล้มไปทางทิศไหนจึงจะดี
มีลักษณะหรือวิธีสังเกตอย่างนี้
เสาล้มไปทาง ทิศบูรพา
ท่านว่า สิทธิโชค ดีนักแล
เสาล้มไปทาง ทิศหรดี
ท่านว่า โฉลกสุนทร ดีพอประมาณ
เสาล้มไปทาง ทิศอิสาน
ท่านว่า ศรีสวัสดิ์ ดีแล
ถ้าเสาล้มไปนอกจากทิศดังกล่าวนี้ ท่านว่า ไม่ดี
จะเกิดอันตรายกับเจ้าของเรือน โบราณาจารย์ท่านไม่นิยมให้นำมาสร้างบ้าน
ปลูกเรือนอยู่เลย
วิธีการจัดเพื่อยกเสาเอก
สิทธิการิยะฯ
ท่านกล่าวแนะนำวิธีการจัดเสา ก่อนจะมีการยกเสาเอกของบ้าน ท่านให้กระทำอย่างนี้
จัดไว้ 5
ต้น คือ เสาห้อง 1 คู่ เสาห้อง 1 เสาแรก 1 คู่ เสาแรก 1
จัดเสาทั้ง 4
เรียงกันไว้ แล้วเขียนชื่อใส่เสาทั้ง 4 เรียงตามลำดับว่า พรหม 1 เพชร 1 สุข 1 และ
ฟรี 1 (หรือจะเขียนใส่ผ้าแดงสี่เหลี่ยมจตุรัสเล็ก ๆ ก็ได้)
เลือดสาวพรหมจารี
ให้นำเอาผ้าที่เขียนชื่อเสานั้นไปวางเรียงตามชื่อเสา
เจ้าพิธี
หรือเจ้าบ้านเอง ให้เอาผ้าขาวม้าไปพันเสาที่ชื่อ พรหมแล้วจัดไว้เพื่อเป็นเสาห้อง
เอาผ้าแดงพันเสาที่ชื่อ สุข จัดเป็นคู่กับเสาแรก
แล้วเอาผ้าสีตามสีวันเกิดของเจ้าของบ้าน ไปพันที่ชื่อเพชร
จัดไว้เป็นเสาแรกแล้วทำพิธียกเสาแรก เป็นเสาเอกของบ้านนั้นต่อไป
|